รวค. และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ จท. เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2562 โดยมีข้อสั่งการดังนี้
1. ให้ จท. ปฏิบัติงานตามแผนงานที่กำหนดไว้ให้เรียบร้อยในการเตรียมความพร้อมพระราชพิธีเสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
2. ให้ จท. จัดทำแผนปฏิบัติการรองรับการตรวจสอบด้านความปลอดภัยการขนส่งทางน้ำจากองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization: IMO) ในปี 2563
3. ให้ จท. เร่งรัดให้การจัดทำระบบการสื่อสารควบคุมการจราจรทางน้ำ
4. ให้ จท. กำกับดูแล ส่งเสริม และพัฒนาการขนส่งทางน้ำให้มีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึง ความสะดวก ความปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชนเป็นสำคัญ
5. ทบทวน ปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบัน
6. ให้ จท. ตรวจสอบ ทบทวน บทบาท หน้าที่ตามภารกิจ หากบุคลากรไม่เพียงพอให้จัดหาบุคลากรภายนอก (Outsource) หรือให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ
7. พิจารณาการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ในงาน ของ จท. และควรจัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร
8. ให้ จท. ดำเนินการด้วยหลักธรรมภิบาลทุกขั้นตอน ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีส่วนร่วม


 

     
     

รวค. มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 9  พ.ย. 2562 ประกอบด้วย ทปษ. ลรค. โฆษกประจำ รวค. ปกค. รปค. หน.ตรค. รอง ผอ.สนข. เจ้าหน้าที่ สรค. กต. และ กป. โดย รวค. มีข้อสั่งการดังนี้
1. ให้ ทล. พิจารณาทบทวนทางเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์ (M6) เข้าถนนสุรนารี ให้ใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุด
2. ให้ ทล. พิจารณาจุดก่อสร้างสะพานกลับรถจักรยานยนต์ บริเวณเรือนจำคลองไผ่ บนทางหลวงหมายเลข 2 จุดใหม่ไม่ให้กระทบจุดเดิม และควรชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน
3. ให้ ทล. และ ทช. พิจารณาดำเนินการตามนโยบาย นรม. รณรงค์ให้ประชาชน จิตอาสา ร่วมกันปลูกต้นไม้ริมทาง
4. ให้ ทล. พิจารณาการแก้ไขปัญหาช่องตะโก ทางหลวงหมายเลข 348 รอยต่อระหว่าง จ.บุรีรัมย์ กับ จ.สระแก้ว ให้หารือ ปกค. เพื่อแก้ไขปัญหาการเดินทางให้กับประชาชน
5. ให้ ทล. และ ทช. บูรณาการร่วมกันในการพิจารณาแก้ไขปัญหาจุดตัดถนนทางหลวงหมายเลข 24 ตัดกับถนนทางหลวงชนบทสาย 2055 บริเวณ ต.ไพศาล บ้านเก็ม และให้ ส.ส. ในพื้นที่และประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
6. ให้ ทล. พิจารณาทำแบริเออร์จากคอนกรีตเพื่อใช้แทนเกาะกลางถนน หากแบริเออร์หุ้มด้วยยางพาราผ่านการทดสอบแล้วจึงนำมาหุ้มแบริเออร์คอนกรีต และอธิบายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจในหลักวิศวกรรมของการใช้แบริเออร์หุ้มด้วยยางพารา
7. ให้ ทย. พิจารณาเรื่องการใช้งบประมาณสนับสนุนจาก ทอท. ในการพัฒนาสนามบิน ให้ศึกษาระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้ทุกสนามบินเตรียมความพร้อมรับการตรวจสอบของ ICAO ในปีหน้า


 

        
      

รวค. มีกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ ทอท. และ บกท. เมื่อที่ 28 ต.ค. 2562 ประกอบด้วย ผชค. ทปษ. ปกค. รปค.(คพ.) หน.สรค. ผอต. ผยผ. รอง ผอ.สนข. เจ้าหน้าที่ สรค. กต. กยผ. และ กป. โดย รวค. มีข้อสั่งการดังนี้
1. ให้พัฒนาท่าอากาศยานทุกแห่งของ ทอท. ให้มีประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ปรับปรุงการให้บริการ เพื่อความสะดวกของผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว
2.  สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า (Customer Satisfaction) ทอท. ต้องสร้างเครือข่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ
3. การจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีธรรมาภิบาล
4. ให้ ทอท. และ บกท. ทบทวนและนำเสนอ คค. ภายใน 3 เดือน  เรื่อง การรักษามาตรฐานและคุณภาพการให้บริการ กำหนดเป้าหมาย กำหนดยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการ กำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน
5. มอบหมาย ปกค. ตั้งคณะทำงานบูรณาการร่วมกันระหว่าง ทอท. บกท. บวท. และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาล
6. ให้ บกท. ต้องจัดลำดับความสำคัญ (Priority List) และกำหนดสัดส่วน (Proportion) ของการลงทุน ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ และ Position ที่ บกท. กำหนดไว้ และเร่งรัดแผนการจัดหาเครื่องบินอย่างเพียงพอเหมาะสมด้วยความรวดเร็วและโปร่งใส ภายใน 6 เดือน


 

     
     

รวค. มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 - 27 ต.ค. 2562 ประกอบด้วย ปกค. รปค. อขบ. อทล. รอง อทช. เจ้าหน้าที่ สรค. กต. และ กป. โดย รวค. มีข้อสั่งการดังนี้
1. ขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ในเรื่องการพัฒนา ทชม. ในระยะต่างๆ ให้ระวังเรื่องการเวนคืน ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน ขอให้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนและผู้ใช้บริการให้ได้รับบริการที่ดี กำชับดูแลราคาการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้เหมาะสม
2. การประชุม ASEAN ให้ ทชม. เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย
3. การห้ามปล่อยโคมในเขตปลอดภัยการบิน
4. ให้ ทล. รวบรวมข้อมูลโครงการก่อสร้างทางหลวงเชียงใหม่ – เชียงราย ที่ดำเนินการล่าช้า และแก้ไขปัญหาการคืนพื้นที่หน้าศูนย์การค้าเมญ่า บริเวณแยกรินคำ จ.เชียงใหม่ ให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน
5. ให้ ทล. และ ทช. พิจารณาใช้แบริเออร์แทนเกาะกลางในเส้นทางขนาด 4 ช่องจราจรขึ้นไป
6. ให้ ทล. ทช. และ ขบ. ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และรายงานผลให้ คค. ทราบ
7. ให้ รฟท. ดูแลความสะอาด และความปลอดภัย ปรับปรุงการอำนวยความสะดวกการบริการประชาชน พัฒนารางรถไฟเดิม และขยายผลโครงการ Station Y ในสถานีรถไฟฟ้าอื่น


 

        
      

รวค. มีกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ ขบ. เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2562 ประกอบด้วย ผชค. ทปษ. ลรค. โฆษกประจำ รวค. ปกค. หน.ตรค. หน.สรค. ผอต. ผยผ. เจ้าหน้าที่ สรค. กต. กยผ. และ กป. โดย รวค. มีข้อสั่งการดังนี้
1. ให้ ขบ. ศึกษาการติดตั้ง GPS ของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
2. ให้ต่อยอดนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้กับการบริหารจัดการรถสาธารณะ
3. มาตรการ Check คน Check รถ Checking Point ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบรถให้ครบ 100%
4. การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับรถสาธารณะ
5. การปฏิรูปเส้นทาง ขสมก. เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน
6. การเร่งรัดศึกษาจัดให้มีสถานีขนส่งสินค้าชานเมือง กทม. เพิ่มเติม ให้ ขบ. ศึกษาการกำหนดให้รถบรรทุกติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบน้ำหนักบรรทุกที่ตัวรถ
7.การให้ข้อมูลข่าวสารทาง Social Network และสื่ออื่นๆ สร้างการรับรู้ ความเข้าใจกับประชาชน

 


 

      
      

รวค. มีกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ณ จุดตรวจเข้มข้นรถโดยสารสาธารณะ Checking Point ณ จุดตรวจอินทร์บุรี (ขาออก) และจุดตรวจ ปั๊ม ปตท. วิบูลย์พาณิชย์ (ขาเข้า) ทางหลวงหมายเลข 32 อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ก.ย. 2562 ประกอบด้วย ทปษ. ลรค. ปกค. รปค.(ขส.) ตรค. ผอต. เจ้าหน้าที่ สรค. กต. และ กป. ซึ่ง รวค. ได้สั่งการดังนี้
1. ให้ ขบ. เป็นหน่วยงานหลัก และบูรณาการร่วมกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง และ บขส. ในการควบคุม กำกับ ดูแลสภาพตัวรถและคนขับให้มีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ และดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุเป็นศูนย์
2. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานให้รีบรายงานและดำเนินการแก้ไขปัญหา
3. การตั้งจุดตรวจ Checking Point ต้องคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยของประชาชน และประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนทำให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง
4. ให้ ขบ. ทำรายงานจุดตรวจ Checking Point ที่มีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป   
5. ให้ ขบ. ขยายผลดำเนินการกับรถบรรทุก รวมทั้งรถประเภทอื่นในระยะต่อไป   
6. รวค. แนะนำเจ้าหน้าที่ให้บริการจุดตรวจ Checking Point ต้องมีจิตบริการ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 


      
      
รวค. มีกำหนดการเดินทางไปตรวจติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความแออัดภายในอาคารผู้โดยสาร ทดม. และ ทสภ. เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย. 2562 คณะเดินทางประกอบด้วย ทปษ. ลรค. ปกค. รปค.(คพ.) รปค.(ขส.) ตรค. ผอต. เจ้าหน้าที่ สรค. กต. และ กป. โดย รวค. ได้ติดตามความคืบหน้าพื้นที่ที่ปรับปรุงตามแผนแก้ไขปัญหาความแออัด ทดม. ระบบบริหารจัดการอาคารจอดรถ 7 ชั้น ตรวจทางเลื่อนที่ชั้น 2 ติดตามการขยายพื้นที่ตรวจลงตรา VISA ON ARRIVAL ห้องควบคุมระบบกล้องวงจรปิด CCTV และตรวจติดตามความคืบหน้าที่ ทสภ. บริเวณพื้นที่ VISA ON ARRIVAL และจุดตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า และระบบกล้องวงจรปิด ห้อง control room ระบบ APPS ซึ่ง รวค. ได้สั่งการให้ ทอท. ดำเนินการดังนี้ 
1) การดำเนินการก่อสร้างที่จอดรถแห่งใหม่ที่ ทดม. การก่อสร้างควรมีการวางแผนก่อนดำเนินการก่อสร้าง ต้องชี้แจงให้ประชาชน สื่อมวลชนเข้าใจสาเหตุที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้า และดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนงาน
2) อาคารจอดรถที่ ทดม. ให้เร่งดำเนินการใช้ระบบอัตโนมัติในระยะเร่งด่วนภายใน 1 เดือน และให้เร่งดำเนินการจัดทำแอปพลิเคชัน AOT SMART เป็นข้อมูลเกี่ยวกับที่จอดรถที่ว่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มาจอดรถ 
3) ทางเลื่อนที่ชั้น 2 ทดม. ให้ดำเนินการติดป้ายให้ชัดเจน และให้มีหลายภาษา 
4) ให้ดำเนินการใช้ระบบกล้อง CCTV เข้ามาช่วยในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการระบายผู้โดยสารเข้าช่องตรวจ และจัดทำแอปพลิเคชันให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ในการตรวจสอบการทำงานของกล้อง CCTV โดยให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารระดับสูงของ คค. สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ทันที และจะนำเรียน นรม. ทราบด้วย และให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 
5) การแก้ไขปัญหาความแออัดภายในอาคารผู้โดยสาร อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารขาเข้า โดยจัดเจ้าหน้าที่ไปรับที่ Gate นำมาบริเวณพื้นที่รับรอง และจัดบริการน้ำดื่มให้ผู้โดยสาร เพิ่มพื้นที่รอตรวจหนังสือเดินทาง และหากมีช่อง Fast Track ว่าง ให้ผู้โดยสารปกติรับบริการก่อนได้ เพื่อให้ผู้โดยสารมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และให้ดูแลเรื่องความสะอาดภายในท่าอากาศยาน  
     
      
รวค. มีกำหนดการเดินทางไปตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางอโศก 3 และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 7 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ส.ค. 2562 โดย รวค. มีข้อสั่งการ ดังต่อไปนี้
1. ให้ ทล. และ กทพ. ทดสอบการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในห้องปฏิบัติการตามหลักวิศวกรรมให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน และทดสอบภาคสนามพร้อมประขาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบภายใน 7 วัน จากนั้นประมวลผลและรายงานให้ คค ทราบ
2. สร้างมาตรการจูงใจในการใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ
3. นำเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้พัฒนาโปรแดรมเชื่อมต่อข้อมูลกับ ขบ. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อป้องกันอาชญากรรม ลดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัย ภายใน 1 ปี พร้อมทั้งวางแผนบุคลากรให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่จะใช้ในอนาคต
      
       
รวค. มีกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยม ทดม. และ ทสภ. เมื่อวันพุธที่ 21 ส.ค. 2562 คณะเดินทางประกอบด้วย ทปษ. ลรค. รปค.(คพ.) รปค.(ขส.) หน.ตรค. ผอต. รอง ผอ.สนข. ผอก.ขสมก. เจ้าหน้าที่ สรค. กต. และ กป. โดย รวค. ได้ตรวจเยี่ยม ทดม. ในพื้นที่ตามแผนการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการและการบริหารจัดการผู้โดยสารขาออก และขาเข้าระหว่างประเทศ ณ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 และ ตรวจเยี่ยม ทสภ. ในขั้นตอนผู้โดยสารขาออก และขาเข้าระหว่างประเทศภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่ง รวค. ได้สั่งการให้ ทอท. ดำเนินการดังนี้ 
1) การแก้ไขปัญหาที่ความแออัด พร้อมปรับปรุง VISA ON ARRIVAL และเห็นด้วยกับการขยายเวลาเปิดเคาน์เตอร์เช็คอินจาก 3 ชม. เป็น 4 ชม. 
2) การก่อสร้างอาคารที่จอดรถใหม่ที่ ทดม. ให้เป็นไปตามแผนการก่อสร้าง และต้องโปร่งใส ให้ตรวจสอบระบบอัตโนมัติของอาคารที่จอดรถเก่า หากมีปัญหาระบบชำรุดให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา การดำเนินการปรับปรุงพื้นที่จะต้องไม่เป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้โดยสาร และมีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุดและตรวจสอบผู้รับจ้างให้ละเอียดรอบคอบ การดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปตามระเบียบ 
3) การใช้ทรัพยากรบุคคล ควรใช้ให้คุ้มค่าและ มีประสิทธิภาพมากที่สุด การออกแบบสิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งอำนวยความสะดวก จะต้องคำนึงถึงหลัก Universal Design เพื่อให้ทุกคนในสังคมสามารถใช้ประโยชน์ได้ 
4) จุดคัดกรองนักท่องเที่ยว จะต้องอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวให้ประหยัดเวลา แต่จะต้องดำเนินการ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ดูแลความสะอาดภายในท่าอากาศยานให้มีความสะอาดทั้งพื้นที่ 
5) ให้ ทอท. ทำรายงานเสนอแผนพัฒนาท่าอากาศยาน ประกอบด้วยแผนการดำเนินงาน ปัญหา การแก้ไขปัญหา ระยะเวลาดำเนินการ เพื่อเสนอ ครม. ในรูปแบบ Presentation ความยาวประมาณ 3-5 นาที และเพื่อเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบด้วย ให้ ทอท. จัดทำรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงาน ให้ คค. ทราบทุกเดือน
      
      
   รวค. มีกำหนดการตรวจราชการและติดตามแผนการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและส่งเสริมการท่องเที่ยว ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 18 - 19 ส.ค. 2562 คณะเดินทางประกอบด้วย ทปษ. ลรค. ปกค. รปค.(คพ.) รปค.(ขส.) อจท. อทย. อทล. อทช. อขร. สรค. กต. และ กป. โดย รวค. ได้ตรวจเยี่ยม
1) โครงการก่อสร้างของแขวงทางหลวงบุรีรัมย์
2) ติดตามโครงการก่อสร้างทางหลวง 226 (บ้านสวายจีก - บ้านสองชั้น)
3) การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการจัดงานแข่งขัน MotoGP 2019 ณ จ.บุรีรัมย์
4) โครงการสำคัญของหน่วยงานในสังกัด คค. ณ แขวงทางหลวงสุรินทร์
5) ตรวจติดตามการพัฒนาทางหลวงหมายเลข 2077 (สังขะ - สุรินทร์) จ.สุรินทร์ 
6) รับฟังปัญหาการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์
ซึ่ง รวค. ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด คค. ทุกหน่วยที่รับผิดชอบงานในพื้นที่ และทั่วประเทศ ให้ความสำคัญกับชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน รับฟังเสียงของประชาชนก่อนจะเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อไม่ให้โครงการกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งให้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา โดยนำมาใช้ผลิตสิ่งอำนวยความสะดวกปลอดภัยทางถนน หรือใช้ในโครงการต่างๆ ของ คค. และให้หน่วยงานในสังกัด คค. ดำเนินงานแบบบูรณาการร่วมกัน รวมทั้งประสานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาในการคมนาคมขนส่งให้กับประชาชนด้วยความรวดเร็วต่อไป
 

   เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2562 เวลา 09.30-12.00 น. ณ ห้องประชุม A อาคารอำนวยการ สำนักงานใหญ่ ทุ่งมหาเมฆ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) นางสาวอนุรักษ์ ศรีสุระ หสสร. รก. หน.สรค. และนางทิพวรรณ มหาวรรณ นวค.ชก. สรค. ได้เป็นตัวแทนสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม (สรค.) ในการเป็นวิทยากรบรรยาย และ Share Knowledge หัวข้อ “หลักการสรุปงาน” โดยการนำเสนอในเรื่อง 1) การแนะนำ สรค. 2) กระบวนการวิเคราะห์ กลั่นกรอง ตรวจสอบเรื่อง และ 3) การสรุปงานหน้าห้อง ในโครงการจัดการอบรมให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการ ของกองเลขานุการและสารบรรณ บวท. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ และถ่ายทอดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่เลขานุการของผู้บริหารระดับสูงของ บวท. ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมอบรมเป็นจำนวนมาก โดยมีการขอให้เพิ่มระยะเวลาในการบรรยายให้เพิ่มมากขึ้น เพราะได้รับความรู้ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่ดี มีการยกตัวอย่างประกอบการบรรยายที่ชัดเจน ถือว่าโครงการอบรมฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง


 

   โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การปรับทัศนคติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน” ระหว่างวันที่ 2-3 มีนาคม 2562 ณ บ้านไม้ชายเลนรีสอร์ท ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม และศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ณ โครงการอัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์ ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม


     
     
   โครงการฝึกอบรมหลักสูตร “การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความสุข ของ สรค.” ระหว่างวันที่ 18 - 19 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมเอวัน เดอะรอยัลครูส เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ณ โครงการพัฒนาพื้นที่รอบวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
     
     

   โครงการฝึกอบรมหลักสูตร “การพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน” ระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม 2559 ณ รีสอร์ทพิงค์พาวเวอร์บีช อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ณ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี


   

   โครงการฝึกอบรมหลักสูตร “สรค. สัมพันธ์” ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2558 ณ โรงแรมเฟลิกซ์   ริเวอร์แคว รีสอร์ท  อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี